หมวกนิรภัย
เป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล สำหรับสวมใส่ศีรษะ ช่วยปกป้องศีรษะจากการกระแทกพื้นจากการลื่นล้ม หรือป้องกันวัตถุจากที่สูงตกลงมากระทบศีรษะ คุณสมบัติพิเศษของหมวกนิรภัย คือ มีความหนาแน่น ทนทานต่อการกระแทก การเจาะทะลุ และกันไฟฟ้า ช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรง และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ เหมาะสำหรับพนักงานที่ทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงอันตรายจากสิ่งของหรือวัสดุต่าง ๆ ที่จะตกใส่ศีรษะ เช่น งานขนย้าย และติดตั้ง, งานก่อสร้าง และงานไฟฟ้า ซึ่งจำเป็นต้องมีการสวมใส่หมวกนิรภัยขณะปฎิบัติงานทุกครั้ง เพื่อป้องกัน อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ชนิดของหมวกนิรภัย สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด
- หมวกนิรภัยชนิดปีกรอบ ลักษณะมีขอบหมวกยื่นออกมา โดยรอบตัวหมวก ป้องกันได้ทุกทิศทาง เหมาะสำหรับช่างไฟฟ้า สามารถกันไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
- หมวกนิรภัยชนิดมีกระบังด้านหน้า ลักษณะมีปีกยื่นมาเฉพาะด้านหน้า โดยด้านข้างอาจเป็นขอบนูนก็ได้ มีให้เลือกทั้ง แบบรองใน แบบปรับเลื่อน และปรับหมุน เหมาะกับผู้ปฎิบัติงาน ในงานอุตสาหกรรม และงานก่อสร้าง
ส่วนประกอบของหมวกนิรภัย
1.เปลือกหมวก ทำด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทำจากพลาสติก ไฟเบอร์กลาส หรืออะลูมิเนียม สามารถป้องกันการกระแทก จากทุกทิศทางในบริเวณศีรษะ สามารถปรับให้พอดีกับขนาดศรีษะได้
2.รองในหมวก เป็นส่วนที่ทำให้หมวก กระจายแรงกระแทกออกไปโดยรอบหมวก
3.สายคาดศีรษะ มีคุณสมบัติเหนียวนิ่ม ช่วยเพิ่มความกระชับขณะสวมใส่ สามารถปรับได้ตามขนาดศีรษะ
4.สายรัดคาง สามารถปรับระดับได้ ช่วยป้องกันไม่ให้หมวกหล่น ขณะสวมใส่ หรือขณะก้มปฎิบัติงาน
5.แถบซับเหงื่อ สามารถดูดซับเหงื่อ เพื่อป้องกันมิให้เหงื่อไหลเข้าตาขณะปฏิบัติงาน
ประเภทงานที่ต้องใช้หมวกนิรภัย
1.หมวกนิรภัยสำหรับการใช้งานทั่วไป ทำด้วยวัสดุพลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส นิยมนำมาใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง งานติดตั้งท่อ พนักงานขนส่งสินค้า
2.หมวกนิรภัยสำหรับใช้กันไฟฟ้าแรงสูง ทำด้วยวัสดุพลาสติก และไฟเบอร์กลาส เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้า เช่น งานช่างไฟฟ้า ช่างเดินสายไฟ
3.หมวกนิรภัยสำหรับงานที่ต้องทำในบริเวณที่มีความร้อน ทำด้วยวัสดุจากโลหะ ไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ เหมาะสำหรับงานขุดเจาะน้ำมัน หรือช่างเชื่อม
4.หมวกนิรภัยที่สามารถทนความร้อนสูง ทำด้วยวัสดุพลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส มีคุณสมบัติพิเศษสามารถทนไฟ ต้านทานการลุกไหม้ เหมาะใช้งานดับเพลิง และงานเหมือง
การดูแลรักษาหมวกนิรภัย
1.หลังการใช้งานควรทำความสะอาดทั้งตัวหมวก และอุปกรณ์ โดยใช้น้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณแถบซับเหงื่อหลังการใช้งานควรทำความสะอาดทั้งตัวหมวก และอุปกรณ์ โดยใช้น้ำสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณแถบซับเหงื่อ
2.เก็บหมวกนิรภัยในสถานที่ที่เหมาะสม ไม่วางไว้กลางแดด หรือที่มีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้วัสดุพลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว และทำให้หมวกขาดความแข็งแรง
3.ไม่ควรนำหมวกนิรภัยที่มีรอยแตกร้าวมาใช้งาน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันลดลง
4.ไม่โยนหมวกนิรภัยจากที่สูง เพราะอาจทำให้ตกกระแทกพื้น และหมวกแตกได้
5.ไม่ควรใช้สารเคมี หรือสารละลายทำความสะอาดหมวกนิรภัย เพราะจะทำให้วัสดุภายในเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
การเลือกใช้หมวกนิรภัย
1.เลือกใช้หมวกนิรภัยให้เหมาะกับลักษณะงาน
2.หมวกนิรภัยต้องได้มาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และเป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันที่น่าเชื่อถือ
3.เลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีขนาดพอดีกับผู้สวมใส่ และต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฎิบัติงาน
4.หมวกนิรภัยต้องมีสีสันที่เด่นชัด มีน้ำหนักเบา หาซื้อได้ง่ายในราคาที่เหมาะสม
5.วิธีการใช้งานหมวกนิรภัยต้องง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
6.ควรมีการเปลี่ยนหมวกนิรภัยใหม่ หากมีรอยร้าวจากการได้รับการกระแทกมาแล้ว หรือการสัมผัสกับอากาศที่เป็นพิษ