รองเท้าเซฟตี้

      เป็นที่นิยมใช้กันในหมู่คนที่ทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม, คลังสินค้า, เครื่องจักรอุตสาหกรรม, คนงานก่อสร้าง, โรงไฟฟ้า, เหมืองแร่, ถ่านหิน, สนามบิน, รถไฟ, ขนส่งสินค้า, ท่าเรือ หรือพูดง่ายๆก็คือสถานที่การทำงานที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย เช่น ลื่นไถล, ของตกใส่, แรงกระแทก, ของมีคมบาด, เป็นฉนวนกันไฟฟ้า, ทนความร้อน และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อปกป้องผู้สวมใส่ขณะทำงานให้ปลอดภัยในหน้างานดังกล่าว

คุณสมบัติพิเศษที่ต้องมีของรองเท้าเซฟตี้
1.ปกป้องเท้าจากแรงกระแทกและแรงบีบด้วย “หัวเหล็ก” (Steel Toes) ผลิตภัณฑ์จากเหล็กกล้าหรือวัสดุที่มีคุณสมบัติทัดเทียมกับเหล็กกล้า โดยมาตรฐานทั่วไปของการกระแทกที่หัวรองเท้านั้นกำหนดที่รองรับแรงกระแทกได้ 20 กิโลกรัม จากความสูง 1 เมตร
2.ป้องกันกระดูกเท้าส่วนบน จะต้องมีแผ่นป้องกันกระดูกเท้าส่วนบน (หลังเท้า) นอกเหนือไปจากหัวรองเท้านิรภัย
3.ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า โดยตัวรองเท้าต้องไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าและมีโครงสร้างพื้นรองเท้าที่สามารถลดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเมื่อสัมผัสกับวัตถุที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
4.รองเท้าตัวนำ ออกแบบให้มีการปล่อยไฟฟ้าสถิตจากร่างกายผู้สวมใส่ลงสู่พื้น จุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าสถิตเกิดการสะสมทั้งบนร่างกายและพื้นที่ทำงานซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระเบิดหรือลุกไหม้
5.ป้องกันการเจาะทะลุ ตัวรองเท้าเซฟตี้ต้องผลิตจากวัสดุที่ทนต่อการบาด เจาะทะลุในระดับที่ยอมรับได้ เช่น วัสดุทั่วไปที่พบเจอตามหน้างานต่างๆ อาทิ ตะปู เศษแก้ว เหล็กแหลม เป็นต้น
6.กระจายไฟฟ้าสถิต กำหนดให้รองเท้าต้องเป็นตัวนำและป้องกันไฟฟ้าดูดในคู่เดียวกัน

การบำรุงรักษารองเท้านิรภัย
1.เลือกรองเท้าเซฟตี้ให้พอเหมาะกับขนาดของเท้า ไม่ควรให้หลวมหรือคับเกินไป
2.ผูกเชือกรองเท้าเซฟตี้ทุกครั้งและอย่าเหยียบขอบบนของรองเท้าเซฟตี้เพื่อป้องกันการเสียทรง
3.ทำความสะอาดด้วยการใช้แปรงปัดฝุ่น แต่ถ้าเปื้อนมากให้เช็คด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาดเช็ดให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งหลังจากนั้นใช้ครีมขัดรองเท้าทา ทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อให้หนังรองเท้ามีความยืดหยุ่นและคงทน
4.หลีกเลี่ยงการใช้กรดหรือสารเคมีทำความสะอาด
5.ควรเก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ควรหลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อุณหภูมิสูงห่างจากแหล่งความร้อน
6.หลังใช้งานให้เอากระดาษหนังสือพิมพ์ขนาดพอเหมาะยัดเข้าไปในตัวรองเท้าเพื่อดูดซับความชื้นและกลิ่นไม่พึ่งประสงค์

ปัญหาของการใช้รองเท้านิรภัย Safety
     ในปัจจุบันพบว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานทุกเพศทุกวันต้องสวมใส่รองเท้านิรภัยเพราะเป็นข้อกำหนดพื้นที่พนักงานทุกต้องปฏิบัตินั้นเอง แต่ก็ยังพบปัญหาว่ามีพนักงานจำนวนมากที่ไม่ยากสวมใส่รองเท้านิรภัย เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ มากมาย เช่น การเลือกใช้รองเท้านิรภัยที่ไม่เหมาะสมกับงาน มีความหลากหลายจนทำให้เลือกไม่ถูกต้องจนสับสน รองเท้านิรภัยมีหนักมากทำให้ไม่สบายและปวดขา ปวดเมื้อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อเท้า ใส่แล้วทำให้เกิดโรคผิวหนังอับชื้น ไม่มีขนาดให้เลือกใส่มากนัก หาซื้อที่เหมาะสมได้ยาก ไม่สวยงาม ไม่ตามแฟชั่น และซื้อแล้วไม่คุ้มเนื่องจากใส่ได้เฉพาะทำงานแต่ใส่ไปท่องเที่ยวไม่ได้ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วการใส่รองเท้านิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานหรือออกแบบมาไม่เหมาะตาม Ergonomic foot pad จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ด้วยเช่นกัน

วิธีเลือกรองเท้านิรภัย
     ต้องเหมาะสมกับลักษณะงานและลักษณะอันตราย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพราะการเข้าใจว่างานที่กำลังทำ มีอันตรายอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นกับเท้า เช่น ถูกกระแทก กด บีบ ถูกวัตถุหล่น ถูกทับ ถูกของแหลมแทงทะลุ ถูกไฟฟ้าช็อต ถูกไฟใหม้ ต้องสัมผัสน้ำมัน สารเคมีอันตราย ทั้งหมดเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติรองเท้าที่เราจะเลือกซื้อมาใช้งาน เนื่องจากรองเท้านิรภัย แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทำให้เหมาะกับลักษณะของงานที่แตกต่างกันออกไป เช่น ถ้าประเมินแล้วในพื้นที่ทำงานมีผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ก็ควรเลือกซื้อรองเท้าที่มีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้า ผู้ที่ทำงานกับน้ำมัน ก็ควรเลือกที่มีลักษณะพิเศษป้องกันน้ำมัน หรือ โรงงานไม่มีความเสียงถูกทิ่ม แทงตำ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกรองเท้าที่ป้องกันแรงทะลุพิเศษ โดยจะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน มากขึ้น คือ หากประเมินว่าลักษณะงานมีความเสี่ยงในการกระแทก บดทับ มีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้งในการทำงาน ต้องสัมผัสความชื้นหรือน้ำมัน และมีความเสี่ยงที่จะมีการเจาะทิ่มเท้า การเลือกรองเท้า รองเท้าเซฟตี้หุ้มข้อ ROCC รุ่น ECO RC21012 ซึ่งเป็นรองเท้าที่มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วนแถมใส่แล้วนิ่มสบายเท้า ได้รับมาตรฐาน EN Class I S3 รองรับการใช้งานที่หนัก คุณสมบัติการปกป้องครบครัน อึด ทึก ทน เป็นต้น

เข้าใจคุณสมบัติรองเท้านิรภัย
     เนื่องจากในปัจจุบันรองเท้านิรภัยมีการผลิตออกมาหลายรุ่น หลายยี่ห้อ และหลากหลายคุณสมบัติ การทำความเข้าใจคุณสมบัติของรองเท้านิรภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อจะได้เลือกซื้อให้เหมาะสมกับลักษณะงาน การจะทราบคุณสมบัติของรองเท้านิรภัยให้ครบถ้วนนั้นผู้ซื้อควรสอบถามจากผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายจะสามารถรับทราบข้อมูลได้อย่างครบถ้วน เช่น ถ้าจะเลือกรองเท้า ROCC 563 series ซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบ การสอบถามข้อมูลจากผู้ผลิตเราจะพบว่าทั้ง 3 Series นั้นมีคุณสมบัติที่เหมือนกันคือ หุ้มส้นน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ได้มาตรฐาน S1 steel toecap, EN ISO20345 หนังรองเท้าเซฟตี้ผลิตจากMicro Fiber พื้นรองเท้ากันลื่น สามารถใช้งานกับงานที่มีน้ำมัน น้ำ ได้ น้ำหนักเบา 480 กรัมต่อข้าง สวมใส่สบาย หัวเหล็ก 200 จูล รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ผ้าซับในแบบ gray sandwich ระบายอากาศได้ดี รองเท้า Safety เป็น สีขาว รูปทรงทันสมัย น่าสวมใส่ พร้อมแผ่นรองพื้น EVA เพิ่มความนุ่มสบายให้กับฝ่าเท้า และช่วยลดการเมื่อยล้า
     เมื่อต้องยืนนานๆ ลดการสะสมของแบคทีเรีย Anti-bacterial รองเท้านิรภัย สีขาวแถบดำ เหมาะกับอุตสาหกรรมทุกประเภท งานปิโตรเคมี งานอิเล็กทรอนิคส์ งานซ่อมบำรุง งานขนส่ง งานประกอบรถยนต์ ส่วนความแตกต่างของทั้ง 3 Series คือ รองเท้าเซฟตี้หุ้มส้น ROCC S1 รุ่น 563B-N เป็นรุ่นรองเท้านิรภัย สีดำแถบดำ รองเท้าเซฟตี้ ROCC Lightweight Serie RC563B เป็นรุ่นรองเท้านิรภัย สีดำแถบขาว และ รองเท้าเซฟตี้ ROCC Lightweight Serie RC563 เป็นรุ่นรองเท้านิรภัย สีขาวแถบดำ จะเห็นได้ว่าจากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราสามารถตัดสินใจในการเลือกซื้อรองเท้าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ตรวจสอบมาตรฐานของรองเท้านิรภัย
     มาตรฐานรองเท้าในโลกนี้มีหลากหลายมาตรฐาน สำหรับกฎหมายประเทศไทยนั้นกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าการเลือกรองเท้านิรภัยมาใช้ในงานโรงงานอุตสหกรรมและงานก่อสร้างนั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.(TIS) เป็นอย่างต่ำ หรือมาตรฐานที่สามารถเทียบเคียงได้ เช่น มาตรฐานรองเท้านิรภัยของสหภาพยุโรป EN345 หรือ ISO EN20345 เป็นต้น